เป้าหมายการไปเรียนกวดวิชา แต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน บางคนไปเรียนเพราะ เรียนตามเพื่อน บางคนอยากไปเจอเพื่อน บางคนไม่อยากอยู่บ้าน บางคนเรียนเพราะที่บ้านอยากให้เรียน บางคนต้องการความรู้ ซึ่งอาจจะมีอีกหลายเหตุผล
เด็กในยุคนี้กับเด็กในยุคก่อน เด็กยุคไหนเรียนพิเศษมากกว่ากัน คงจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว สมัยก่อนผมเริ่มเรียนพิเศษตอน ปวช.1(เทียบเท่ากับ ม.4) แต่เดี๋ยวนี้ อนุบาลก็เรียนกันแล้ว ผมรู้สึกสงสารเด็กสมัยนี้จริงๆ สมัยก่อนนั้น วันทเด็กๆี่รอคอยคือวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะ ไม่ต้องไปโรงเรียน ได้เล่นอยู่บ้าน ดูทีวี แต่สมัยนี้มันช่างต่างกับสมัยก่อนจริง เพราะ วันหยุดเกือบจะไม่มี
ผมแปลกใจว่า ทำไมทั้งๆที่เด็กๆเรียนกวดวิชากันตั้งแต่เล็กๆ และ เรียนมากกว่าเมื่อก่อน แต่เมื่อมีการสอบเพื่อวัดผลของนักเรียนไทย ทำไมคะแนนสอบในวิชาต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ถึงได้ไม่เพิ่มขึ้นเลย และมีแนวโน้มลดลงอีกด้วย ทั้งที่เด็กๆก็มีการไปเรียนกวดวิชาก็มากขึ้น ทำให้ต้องมองว่ากวดวิชานั้นทำให้เด็กๆเข้าใจมากขึ้นหรือเปล่า
หากพิจารณาที่ความรู้เป็นเป็นหลัก กวดวิชาที่ดี จะต้องสอนให้นักเรียนเข้าใจ มีความรู้มากขึ้น เรียนได้ดีขึ้น ซึ่งทดสอบง่ายๆว่า เรียนกวดวิชาแล้ว เราเข้าใจจริงหรือไม่ หรือ เราเรียนแบบท่องจำเท่านั้น ใหเราลอง้นำตัวอย่าง ข้อสอบหรือโจทย์ที่กวดวิชานั้นได้สอนเราผ่านไปแล้วประมาณ 1-2 อาทิตย์ นำมาลองทำดูด้วยตัวเองประมาณ 10 ข้อ หากทำได้เองเกิน 7 ข้อ แสดงว่า กวดวิชาที่เราไปเรียน สอนนักเรียนแบบเน้นความเข้าใจ แต่ถ้าทำได้ไม่ถึง 5 ข้อ นั่นแสดงว่า การเรียนที่ผ่านมา เรียนแบบท่องจำ
จากตัวอย่างที่ยกมาอธิบายนั้น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อตัวนักเรียนเอง เพราะ การสอบเข้าศึกษาต่อทุกระดับ จะต้องนำความรู้ที่เรียนมาแล้ว 1-3 ปี มาสอบวัดผลกัน หากเรียนผ่านไป 1-2 อาทิตย์ก็ลืมแล้ว ที่เรียนผ่านไปเทอมที่แล้ว ปีที่แล้ว คงจะต้องเหนื่อยมากที่จะรื้อฟื้น ดังนั้น การเตรียมตัว หรือการวางแผนที่ดีจะช่วยให้อะไรๆง่ายขึ้น ควรจะทำการประเมินความรู้ของตัวเองก่อนที่จะสายเกินไปครับ